ดวงชะตา กำหนดขึ้นมาจากบุญกรรมเก่าที่ได้ทำมาแล้วในอดีตกาล ด้วยกุศลและอกุศลจึงส่งวิญญาณมาสร้างรูปให้เป็นสัตว์ บุคคล ตามเวลาที่กำหนดไว้ในโลกมนุษย์ ไม่มีใครเลือกเวลาเกิดได้ นอกจากผู้มีบุญมาก
โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่สังเกตสถิติการโคจรของดวงดาว คำนวณระยะเวลาการโคจรไปมาทับกัน ทำมุมโยค-เกณฑ์ กันเป็นองศา ลิปดา จดบันทึกเป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเรียกว่า การพยากรณ์
ในวิชาโหร ยังมีวิชาการพยากรณ์หลากหลายรูปแบบ แต่สรุปออกมาแล้วจะมีอยู่ 3 กลุ่ม ดังนี้
1. ดูแบบเสี่ยงดวง ต้องดูครั้งเดียวเสี่ยงทายเอา
2. ดูแบบใช้การเปลี่ยนแปลงเคลื่อนไหวของธรรมชาติมาเป็นอุปกรณ์ในการพยากรณ์ เช่น การเปลี่ยนแปลงแตกต่างของใบหน้า เรียกว่า โหงวเฮ้ง การเปลี่ยนแปลงของเส้นบนฝ่ามือ เรียกว่า ดูลายมือ หรือสังเกตจากดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ บนท้องฟ้าโคจรไปมาทับกันเป็นเครื่องมือในการทำนายเรียกว่า ดูดวงจักรราศี นับว่าเป็นสถิติที่พอเชื่อถือได้ มีความละเอียดและแม่นยำสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
3. ทำนายอนาคตด้วยระบบจิตศาสตร์ คือใช้อำนาจจิตที่เป็นสมาธิ จนเกิดเป็นญาณรู้เห็นเหตุการณ์ในอนาคตได้มาเป็นอุปกรณ์ในการทำนาย หลักนี้ผู้เขียนเชื่อว่าแม่นยำสูงสุด
แต่ทั้ง 3 แบบ ก็มี 3 ระดับ คือ อย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด แม้สมาธิจิตก็มีการรู้ เห็นชัด ไม่ชัด อยู่ใน 3 ระดับเหมือนกัน เช่น พระพุทธเจ้ามองเห็นชัดเจน เหมือนมองภาพในเวลาพระอาทิตย์เที่ยงวัน พระอัครสาวกมองเห็นเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ พระอรหันต์มองเห็นเหมือนกองไฟกองใหญ่ ดังนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้น การจะดูดวงให้แม่น คงจะต้องพิจารณาความหยาบความละเอียดของหลักวิชาเป็นอันดับแรก เพราะในแต่ละวิชาก็ยังมีอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด อันดับต่อไปก็แสวงหาตำราวิชาการในแต่ละแขนงที่เราจะศึกษามาศึกษาให้ละเอียด เข้าใจแจ่มแจ้งจนแตกฉาน หากศึกษาจากตำราไม่สามารถจะให้ถึงจุดสุดยอดได้ อันดับสุดท้ายคงต้องแสวงหาครูอาจารย์ที่มีความรู้ละเอียดและแตกฉานในหลักวิชานั้นๆ มาเป็นครูอาจารย์สอน
หลักวิชาใน 3 หัวข้อที่กล่าวไว้แล้ว เป็นแขนงของวิชาโหร ที่ใช้ดูดวงชะตาได้เหมือนกันหมด ผู้เขียนไม่กล้ากล่าวว่าอะไรดีกว่าอะไร วิญญูชนย่อมพิจารณาได้และอีกประการหนึ่ง ผู้เขียนไม่ได้ศึกษาในทุกแขนง แขนงใดที่ไม่รู้จริงจะไปกล่าวว่าดีหรือไม่ดีนั้นไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเมื่อเราไม่รู้จะไปกล่าวว่าดีหรือไม่ดีได้อย่างไร แต่สำหรับการดูดวงด้วยระบบจักรราศีนั้น พอมีความรู้อยู่บ้าง และได้ทดสอบวิจัยกับดวงจริง และเห็นผลจริงตามหลักวิชามาบ้างพอสมควร จึงพอจะขยายชี้แจงเพื่อแบ่งปันกันได้บ้าง
การดูดวงจะให้แม่น มันขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงบางประการ ในอดีตกาลจนถึงปัจจุบันได้มีผู้รู้แต่งและรวบรวมเรียบเรียงหลักวิชาโหรมาไว้ให้ศึกษากันมากมายเหลือคณานับ จนศึกษากันไม่หวาดไม่ไหว แต่เท่าที่ผู้เขียนได้ศึกษามา รู้วิชานั้นรู้ได้จริง แต่จะให้เชี่ยวชาญแตกฉานนั้นยาก เพราะดวงมนุษย์แต่ละคนในโลกนี้ไม่เหมือนกันเลยสักคน ตำราจึงบันทึกเป็นสถิติไว้กลางๆ ไม่อาจชี้ชัดลงไปในรายละเอียดของแต่ละดวงได้ ดังเหมือนอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ปรมาจารย์ทางโหราศาสตร์ไทยได้กล่าวไว้ในโหราศาสตร์ปริทรรศน์ว่า “เมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปทับดาวอังคารในพื้นดวง ทายว่า หัวจะแตก เลือดจะตกจากตน” เมื่อมาพิจารณาในข้อเท็จจริง ดวงอาทิตย์จะต้องโคจรทับดาวอังคารทุกปี ผู้คนมิหัวแตกกันนับแผลไม่ถ้วนหรือ เอ๊ะ ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ ก็คัมภีร์ก็ว่าไว้อย่างนั้นนี่ หรือว่าคัมภีร์นี้เชื่อถือไม่ได้ เปล่า!! มันเชื่อถือได้ แต่ที่ไม่ถูกทุกครั้งเพราะมันยังมีอะไรลึกกว่านั้นลงไปอีก
เมื่อค้นตำราต่อไปพบว่า การจะเกิดขึ้นได้ต้องรอให้ดาวมันจรทับกันสนิทองศาเสียก่อนจึงจะเกิดขึ้น ตามจักรทีปนี รอพิสูจน์อยู่หลายดวง บางดวง ดวงอาทิตย์จรทับดาวอังคารสนิทองศาเหตุการณ์เกิดขึ้น บางดวงไม่เกิด บางดวงพอดวงอาทิตย์ย้ายเข้าราศีที่ดาวอังคารสถิตย์อยู่ในพื้นดวง เหตุการณ์กลับเกิดขึ้นทันทีในวันนั้น เอ๊ะ!! มันอย่างไรกันแน่ ตำราผิดหรืออย่างไร
ไม่หรอกครับตำราไม่ผิด แต่เรายังศึกษาไม่ถึงที่สุด ค้นไปค้นมาเกิดสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก เกิดความเบื่อหน่ายแล้วเลิกไป บางคนไม่เลิก นัยว่ามีดวงทางโหรา เลือกแสวงหาครูบาอาจารย์ เจอแล้วก็ฝากตัวเป็นศิษย์ ถวายค่าบูชาครูเรียนวิชา ครูก็บอกว่ารู้แค่นั้นยังไม่พอ มันต้องดูว่าในพื้นดวงเขา ดาวอาทิตย์กับดาวอังคารตั้งอยู่เป็นทุสถานะภพต่อกันหรือไม่ เช่น อาทิตย์อยู่เมษ อังคารลอยอยู่พิจิก หรืออาทิตย์ลอยอยู่มีน, อยู่ตุลย์ ฯลฯ เรือนวินาศของเกษตรเจ้าเรือนอังคาร เมื่อจรมาทับอังคาร อย่างนี้เกิดแน่ พอเอาไปดูดวงจริง เอ๊ะ ทำไมบางดวงไม่เกิด กลับมาหาอาจารย์อีก อาจารย์บอกว่า มันยังไม่สุด มันต้องเอาทักษาเข้ามาประกอบด้วยจึงจะได้ผลแน่นอน ที่เรียกกันว่า “ทักษาผสมเรือน” พอเอาไปทายส่วนใหญ่ก็ถูกแต่ก็ยังมีผิดอยู่ เอ๊ะ ขนาดนี้แล้วยังมีผิดอยู่ มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านี้อีกหรือ
ยังมีครับ เท่าที่ผู้เขียนศึกษามามันยังมีอะไรลึกซึ้งกว่านี้อีก ที่เรียกว่าสุดยอดไม้เด็ดเคล็ดลับ ซึ่งมันค่อนข้างลึกซึ้งและละเอียดลออ ผู้เขียนเชื่อว่า อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร, อาจารย์เชย บัวก้านทอง, อาจารย์ พ.อ.ประจวบ วัชรปาน, อาจารย์สิงโต สุริยาอารักษ์ รู้เคล็ดลับนี้จึงเขียนและทายได้แม่นยำมาก แต่น่าเสียดายท่านเหล่านี้ละโลกไปหมดแล้ว หนังสือของท่านก็เขียนไว้ ใครค้นพบและนำมาพิสูจน์ได้ก็นับว่าโชคดีไป ผู้เขียนยังเชื่อว่าในเมืองไทยขณะนี้น่าจะยังมีผู้รู้ระดับนี้อยู่ นักวิชาการ นักพยากรณ์ นักค้นคว้า ที่สมาคมโหรแห่งประเทศไทย สมาคมโหรนานาชาติ หรืออิสระ มีผู้รู้อยู่มาก หากท่านต้องการรู้แจ้งเห็นจริง ควรไปแสวงหาดู น่าจะไม่ผิดหวัง ส่วนตัวผู้เขียนพอมีความรู้อยู่บ้างทางดวงราศีจักร ดวงนวางค์จักร ดวงอินทภาส-บาทจันทร์ หากใครสนใจก็พอจะให้ได้เท่าที่มี ผิดพลาดประการใดขอผู้รู้จงอภัย
ด้วยความรักจากใจจริง
อาจารย์ พูลศักดิ์ แสงคล้อย
นาม มหัทธโน
หน้าโรงพยาบาลเชียงคำ